กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุมประพฤติ ทบทวนและปรับปรุงกฎหมายที่ใช้ควบคุมและติดตามผู้กระทำผิดซ้ำ โดยเฉพาะคดีความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง ล่าสุดมีการพิจารณาแก้ไขกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การติดตามภายหลังพ้นโทษมีความชัดเจนและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น

วันนี้ (17 ธันวาคม 2568) เวลา 13.30 นาฬิกา พลตำรวจโท รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ครั้งที่ 2/ 2568 โดยมี ร้อยตำรวจเอก ปิยะ รักสกุล อธิบดีกรมคุมประพฤติ และคณะผู้บริหารกรมคุมประพฤติ พร้อมด้วยคณะกรรมการจากหน่วยงานสำคัญ อาทิ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องประชุม 10-06 อาคารกระทรวงยุติธรรม

การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนภารกิจตามพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 รวมถึงการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายและแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน

ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 ซึ่งมีการดำเนินคดีรวมทั้งสิ้น 5,186 คดี แบ่งเป็นคดีต่อชีวิตและร่างกาย 3,320 คดี คิดเป็นร้อยละ 64 คดีความผิดเกี่ยวกับเพศ 1,862 คดี คิดเป็นร้อยละ 35.9 และคดีความผิดต่อเสรีภาพ 4 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.1 (ข้อมูลระหว่างวันที่ 24 มกราคม 2566 - 30 พฤศจิกายน 2568) พร้อมกันนี้ ที่ประชุมรับทราบคำสั่งกระทรวงยุติธรรม ที่ 125/2568 เรื่อง การจัดตั้ง "ศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน" และการแต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์ฯ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามภารกิจที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบความคืบหน้าการยกร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดมาตรการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด พ.ศ. .... ซึ่งมุ่งเน้นการปรับพฤติกรรม ลดโอกาสการกระทำผิดซ้ำ และสร้างความปลอดภัยให้สังคมในระยะยาว ในส่วนของการพิจารณา ที่ประชุมเห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ และการคุมขังฉุกเฉิน พ.ศ. 2566 โดยเพิ่มการดำเนินการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับติดตาม พร้อมทั้งพิจารณาปรับในบางมาตราให้มีความเหมาะสม ชัดเจน และสอดคล้องกับการบังคับใช้ในการปฏิบัติ

ที่ประชุมยังให้ความสำคัญกับการสร้างกลไกทำงานในระดับพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจตามกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม และขอความเห็นชอบในการจัดทำแนวปฏิบัติสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การป้องกันการกระทำผิดซ้ำเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั่วประเทศ

การประชุมครั้งนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของกระทรวงยุติธรรมในการยกระดับมาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำ เพื่อสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรม เสริมความสงบสุขให้กับสังคมอย่างยั่งยืน