การแสวงหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายยาเสพติด
การแสวงหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายยาเสพติด เป็นกระบวนการที่ศาลมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงตาม มาตรา ๑๖๕ วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยการแสวงหาข้อเท็จจริง เป็นการบันทึกประวัติพฤติกรรมในการกระทำความผิดตลอดจนสภาพแวดล้อมทั้งปวงของจำเลยและนำข้อมูลดังกล่าวมาประมวลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความร้ายแรงตามลักษณะของความผิด ผลร้ายแรงตามประเภทและปริมาณของยาเสพติดที่เกี่ยวพันกับจำเลย รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับ อายุ ประวัติ ความประพฤติ นิสัย สติปัญญา การศึกษาอบรม ภาระในการเลี้ยงดูครอบครัว การเสพเพื่อรักษาโรคบรรเทาความเจ็บปวด ความจำเป็นต้องเสพด้วยเหตุอื่น สภาพร่างกาย และสภาพจิตใจ สิ่งแวดล้อม การถูกบังคับขู่เข็ญหลอกลวงให้เสพยาเสพติด หรือตกเป็นเครื่องมือของผู้ค้ายาเสพติด หรือเหตุอันควรปรานีอื่นใด รวมถึงชนิดของยาเสพติดที่เสพหรือครอบครองเพื่อเสพ จำนวนยาเสพติดที่เสพหรือครอบครองเพื่อเสพ การเสพยาเสพติดเป็นครั้งคราวหรือประจำ หรือเสพยาเสพติดเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติอย่างบางอย่าง ตามแบบเก็บรวบรวมข้อมูลที่กรมคุมประพฤติกำหนด แล้วนำข้อเท็จจริงที่ได้มาวิเคราะห์ประเมินเพื่อจัดทำรายงาน และความเห็นเสนอต่อศาล (ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่สำนักงานคุมประพฤติได้รับหนังสือ ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นพนักงานคุมประพฤติอาจร้องขอต่อศาลเพื่อขยายระยะเวลาออกไปได้อีกไม่เกินสิบห้าวัน) เพื่อใช้ศาลใช้ประกอบดุลพินิจในการพิจารณาพิพากษาว่าจะใช้มาตรการใดจึงจะเหมาะสมกับจำเลยเป็นรายบุคคล โดยคำนึงถึงการสงเคราะห์ให้จำเลยเลิกเสพยาเสพติดโดยการบำบัดรักษายิ่งกว่าการลงโทษ และหากจะลงโทษจำเลยก็ให้พิจารณาลงโทษให้เหมาะสมกับจำเลยแต่ละคน ซึ่งเป็นการกลั่นกรองผู้กระทำผิดก่อนเข้าสู่ กระบวนการคุมความประพฤติ / การบำบัดรักษา โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของสังคม และแนวโน้มในการวางแผนแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด/ผู้เสพหรือติดยาเสพติดในชุมชนเป็นหลัก